
การเล่นไพ่ป้อกเด้ง
ป้อกเด้งเป็นเกมไพ่ที่นิยมเล่นกันมากที่สุดของคนไทย เพราะมีเกมกติกาที่เข้าใจง่ายจึงเหมาะที่จะชวนเพื่อนเล่นกันทั้งกลุ่มเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด เรียกได้ว่าปกติไปเที่ยวต่างจังหวัดก็จะเป็นการไปพักผ่อน ดูธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่จะติดลมบน จนทำให้ไม่ไปเที่ยวธรรมชาติ และเล่นกันจนหมดเวลาเที่ยวกันไปซะอย่างนั้น เหมือนเปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นไพ่ แต่การเล่นไพ่ป้อกเด้งนั้นต้องมีอยู่บ่อยๆ การเรียนรู้กลยุทธเพื่อเอาไว้ชนะเพื่อนๆของคุณนั้นก็ควรทำไว้
มาดูโอกาสของการที่จั่วไพ่ใบที่สามหลังจากที่คุณได้ไพ่ในมือแล้วสองใบกันดูครับว่าใครจะมีโอกาสมากกว่ากัน
หากคุณเห็นตารางความน่าจะเป็นอันนี้แล้วก็คงเข้าใจแล้วว่ามีโอกาสมากแค่ไหนที่จะขอไพ่ใบที่สามเพิ่มในขณะที่คุณถือ 4 แต้ม และ 5 แต้ม นั่นเป็นจุดพลิกผันชะตาของคุณว่าอาจจะชนะ หรืออาจจะแพ้ ถ้าคุณเล่นในระยะยาว เป็นไปได้ว่าคุณจะเป็นผู้ชนะหรือเป็นผู้แพ้ด้วยการตัดสินใจที่เราทำให้เห็นในตารางนี้แล้วนะครับ ว่ากันง่ายๆหรือสรุปเลยก็คือ หากคุณถือ 4 แต้มมีโอกาสที่คุณจะได้แต้มมากขึ้นในการขอไพ่ใบที่สามอยู่ที่ 38% ซึ่งก็มีมาก แต่ถ้าเลือกอยู่ก็เป็นแต้มที่ไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าคุณจะเล่นในระยะยาว ผมแนะนำให้คุณเลือกขอไพ่ จะมีโอกาสสูงกว่าที่จะอยู่ในแต้มนี้ อันนี้ก็สรุปรวมไปถึงตั้งแต่สี่แต้มลงมาเลยนะครับว่าคุณควรจะขอไพ่เพิ่ม แต่หากคุณได้ 5 แต้มแล้วไม่แนะนำให้ขอเพิ่มครับ เพราะโอกาสหนึ่งในสามนั้นก็ถือว่าไม่เหมาะที่จะเสี่ยง แต่ในทางทฤษฎีที่แท้จริง ก็เห็นตามตารางครับว่าคุณควรเลือกที่จะอยู่ใน 4 แต้มขึ้นไปเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคุณ สูงกว่านั้นขอไปก็เสี่ยงจะเสียการควบคุมแต้มตัวเองเฉยๆ เพราะมันก็อาจน้อยกว่าได้มากถึง 38.5% ขึ้นไปเลยทีเดียว นั่นหมายความว่าไม่เหมาะที่จะเอาไพ่มาเพิ่มให้เป็นภาระของตัวเองเลยจริงๆ หากเล่นกันไม่กี่ตาวิธีนี้ถือว่าได้ผลมากที่สุดแล้ว และที่น่าสนใจคือถ้าเป็นไพ่เก้าเก โอกาสที่คุณจะชนะก็ยังน่าสนใจใกล้เคียงกันนี่แหละครับ และเมื่อผมทดสอบการเล่นในลักษณะนี้ดูแล้วก็พบว่า หมดตัวเหมือนเดิมครับ มองไม่เห็นหนทางจะเอาชนะการพนันได้ง่ายๆ ไม่รู้ด้วยไพ่ที่ทางเค้าแจกมีการโกง หรือเพราะผมดวงซวย แต่ก็อย่างว่า ไม่ว่าจะคิดในมุมวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์ก็มองว่าการได้เสี่ยงจั่วไพ่จากความน่าจะเป็น 38.5% นั้นก็คือจาก 100 ครั้งนะครับ เมื่อคุณเล่นไม่ถึง 100 ครั้งหรืออาจถูกโกง ก็บอกได้ยากว่าไพ่ที่คุณถือ กับไพ่ที่อีกฝ่ายหรือเจ้ามือถืออยู่ ใครจะเหนือกว่ากัน เพราะมันก็ขึ้นอยู่กับการวนรอบ 100 ครั้งนี้ด้วย เจ้ามืออาจจะโชคดีกว่าเราตรงที่ใน 100 ครั้งนั้นไพ่เค้าเข้าทางมากกว่าเราใน 30 ครั้งแรก แบบนี้เราก็อาจหมดตัวก่อนที่จะไปถอนทุนคืนใน 70 ครั้งถัดไปได้เหมือนกัน และเมื่อมีการทดลองของนักคณิตศาสตร์เมื่อ 300 ปีก่อน ของนักคณิตที่ชื่อว่า คริสเตียน ไฮน์เจนส์ ได้สร้างตัวชี้วัดความน่าสนใจของการพนันแต่ละประเภทขึ้นโดยคำนึงถึงโอกาสที่จะถูกรางวัลและขนาดของเงินรางวัลที่ได้รับเมื่อถูกรางวัลไว้ด้วย ตัวชี้วัดนี้มีชื่อว่ากำไรคาดหวัง ของการพนัน ลองพิจารณาการพนันอย่างหนึ่งซึ่งเป็นการทอยเหรียญ ถ้าเหรียญออกหัวผู้เล่นจะได้รับเงินหนึ่งบาท แต่ถ้าเหรียญออกก้อยผู้เล่นจะเสียเงินหนึ่งบาท กำไรคาดหวังของการพนันชนิดนี้หาได้จากผลบวกของผลคูณระหว่างขนาดของกำไรกับโอกาสที่เป็นไปได้ในแต่ละกรณี โอกาสที่เหรียญจะออกหัวหรือก้อยมีค่าเท่ากันคือ 50% หรือ 0.5 ดังนั้นกำไรคาดหวังของการพนันทอยเหรียญชนิดนี้จึงมีค่าเท่ากับ (+1)x(0.5)+(-1)x(0.5)=0 บาท เป็นต้น การพนันที่มีกำไรคาดหวังเท่ากับ 0 พอดีเช่นนี้เรียกว่าการพนันที่เสมอตัว กล่าวคือผู้เล่นไม่ได้เปรียบเสียเปรียบเจ้ามือ ลองพิจารณาการทอยเหรียญเหมือนกันแต่คราวนี้ถ้าออกหัวผู้เล่นจะได้เงิน 2 บาท แต่ถ้าเหรียญออกก้อยจะได้เงินแค่บาทเดียว กรณีเช่นนี้กำไรคาดหวังจะมีค่าเท่ากับ (+2)x(0.5)+(-1)x(0.5)=+0.5 บาท ในการวัดกำไรคาดหวังของการพนัน เราอาจวัดเป็นร้อยละของขนาดของเงินเดิมพันก็ได้ ในกรณีนี้ถ้าผู้เล่นแพ้พนันผู้เล่นจะเสียเงินหนึ่งบาท แสดงว่าเงินเดิมพันของการพนันชนิดนี้เท่ากับครั้งละ 1 บาท แต่กำไรคาดหวังมีค่าเท่ากับ +0.5 บาท แสดงว่ากำไรคาดหวังของการพนันชนิดนี้มีค่าเท่ากับ +50% ของเงินเดิมพัน อย่างนี้ก็ได้